วิธีการปลูก เกี่ยวกับโครงการหญ้าเเฝก



การปลูกหญ้าเเฝก




การทดลองปลูกหญ้าแฝกในที่ลาดเอียงให้ผลน่าพอใจ   รากหญ้าแฝกยาวถึง เมตรในเวลา       8 เดือน   และระบบรากแผ่กระจายในดินตลอดความลึก เมตร  และความกว้าง 50 เซนติเมตร ภายใต้อีกตัวอย่างหนึ่งของพระราชดำริ  ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับหญ้าแฝกซึ่งได้พระราชทาน              แก่เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2536 มีใจความว่า    "... การปลูกหญ้าแฝก ถ้าปลูกกอเล็ก  ควรปลูกให้ใกล้และ ชิดกัน จะได้ผลเร็วกว่าและสิ้นเปลืองน้อยกว่าการปลูกกอใหญ่ และมีระยะห่างกัน และควรปลูกตามความห่างของแถวในแนวลาดเทประมาณเท่าความสูงของคน คือ  1.50  เมตร และทำแถวให้ขนานกับทางลาดเทด้วย …."    ในโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มตามแนวพระราชดำริที่อำเภอโพธาราม        จังหวัดราชบุรี   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับหญ้าแฝกไว้   ซึ่งมีใจความสรุปได้เป็น ประการ คือ ( 1)  ควรปลูกหญ้าแฝกล้อมรอบไม้ผล  เพื่อป้องกันไม่ให้ดินรอบๆ ต้นไม้เป็นหลุม  ในขณะเดียวกันก็ใช้ใบหญ้าแฝกที่ตัดออกจากกอมาคลุมดินรอบๆ ต้นไม้  เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ต้นไม้  ได้อีกด้วย และ ( 2) การปลูกหญ้าแฝกในแปลงเพาะปลูกพืชสามารถทำได้หลายรูปแบบ  เช่น  ปลูกโดยรอบแปลงปลูก  ในแปลงๆ ละ หรือ แถว และปลูกตามร่องสลับกับพืชไร่  เป็นต้น  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริ  ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ  ทั้ง  6 แห่ง   ทดลองปลูกหญ้าแฝกสายพันธุ์ต่างๆ ด้วย  ซึ่งผลการทดลองดังกล่าวที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง   คือ  เมื่อปลูกหญ้าแฝกระหว่างแถวของข้าวโพดและถั่วลิสง   ในพื้นที่ที่มีความลาดเท  5%  มีการสูญเสียหน้าดินเพียง  0.92 - 2.27 ตันต่อไร่ต่อปี  ในขณะที่พื้นที่ลาดเทเท่ากัน      แต่ไม่มีการปลูกหญ้าแฝก   มีการสูญเสียหน้าดิน  5.27  ตันต่อไร่ต่อปี   นอกจากนี้  พื้นที่ที่ปลูกหญ้าแฝกยังรักษาความชุ่มชื้นของดินได้มากกว่าอีกด้วย  หญ้าแฝกที่เจริญเติบโตได้ดีในดินประเภทต่างๆ  ได้แก่  สายพันธุ์กำแพงเพชร และ 6 , สงขลา 3 ,  นครสวรรค์ ,  ร้อยเอ็ด ,  และราชบุรี  สำหรับดินทราย  สายพันธุ์ศรีลังกา กำแพงเพชร 2 ,  สุราษฎร์ธานี ,  สงขลา และเลย   สำหรับดินลูกรัง กับสายพันธุ์ สุราษฎร์ธานี สงขลา เลย  และนครสวรรค์    สำหรับดินร่วนและดินเหนียวการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรบนที่ดอนหรือที่สูง   จะใช้ในการเพาะปลูกพืชไร่และไม้ผล  เป็นหลัก แต่พื้นที่เหล่านี้มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีระบบการชลประทาน พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูก    จึงเป็นพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำฝน    ปัจจุบันแม้ว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยที่ตกในแต่ละปีจะมีปริมาณเท่าๆ  หรือใกล้เคียงกัน แต่เกษตรกรก็มักประสบปัญหาภัยแล้ง  หรือภาวะพืชที่เพาะปลูกขาดแคลนน้ำเป็นประจำ       ก่อความเสียหายแก่เกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก   การแก้ไขปัญหาภาวะพืชขาดแคลนน้ำ   ในพื้นที่เกษตรน้ำฝน   จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการในการเก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้ในดินให้ได้อย่างยาวนาน   แต่เท่าที่ผ่านมาตราบจนปัจจุบัน  เกษตรกรส่วนใหญ่ในเขตพื้นที่เกษตรยังคงใช้น้ำฝนเพาะปลูกติดต่อกันมา   โดยมิได้มีมาตรการใดในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดินเลย    ดังจะเห็นได้จากกการที่ฝนตกลงมาก็ปล่อยให้น้ำฝนเป็นจำนวนมากไหลบ่าออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำลำคลอง   ซึ่งนอกจากจะเป็นการสูญเสียน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว   น้ำฝนที่ไหลบ่ายังจะกัดเซาะและพัดพาหน้าดินซึ่งมีปุ๋ยและธาตุอาหารพืชที่สำคัญ    ให้สูญเสียไปอีกด้วย   มาตรการในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้ในดินให้ได้อย่างยาวนาน   ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายๆ   และมีประสิทธิภาพ   ได้แก่   การปลูกหญ้าแฝกแถวเดียวเป็นแนวรั้วตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่   โดยแนวรั้วหญ้าแฝกดังกล่าวจะทำหน้าที่ลดแรงปะทะของน้ำฝนที่ไหลบ่า   ทำให้น้ำแผ่กระจายและไหลซึมผ่านแนวรั้วหญ้าแฝก   
ซึ่งจะทำให้น้ำมีโอกาสไหลซึมลงเก็บกักรักษาไว้ในดินได้ทั่วพื้นที่   ซึ่งจะทำให้ดินมีความชุ่มชื้น   เป็นประโยชน์ต่อพืชหลักที่ปลูกไว้ต่อไป   นอกจากมีลักษณะพิเศษของหญ้าแฝกที่แตกต่างไปจากหญ้าอื่นๆ   โดยทั่วไปก็  คือ  ระบบรากฝอย  ของหญ้าแฝกจะแข็งแรงและหนาแน่น  สามารถชอนไชหยั่งลึกลงในดินตามแนวดิ่งได้ถึง  3  เมตร   และรากจะไม่เจริญแผ่ขยายออกทางด้านกว้าง  จึงไม่แย่งอาหารของพืชหลักที่ปลูกใกล้เคียงกัน   หญ้าแฝกมีรากแกนและรากแขนงอวบใหญ่   จึงทำให้เกาะยึดดินและดูดซับน้ำไว้ได้เป็นอย่างดี   ดังนั้นเมื่อปลูกหญ้าแฝกตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่แล้ว นอกจากต้นที่เจริญแตกกอ   อัดกันแน่นเป็นกำแพง   อยู่เหนือดินแล้วรากของหญ้าแฝกก็จะสานกันแน่นเป็นกำแพงอยู่ในดิน   ทำหน้าที่เกาะ      ยึดติดและดูดซับเก็บความชื้นไว้ในดินได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
วิธีการและรูปแบบการปลูก ตามลักษณะพื้นที่ 
         จากหลักการและลักษณะพิเศษของหญ้าแฝก ดังกล่าวแล้วข้างต้น   จึงได้มีการประยุกต์ใช้ประโยชน์ ของหญ้าแฝกในด้านต่าง ๆ   ได้มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง   การปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน สำหรับปลูกไม้ผลก็ใช้หลักการเดียวกัน ทั้งนี้วิธีการและรูปแบบการปลูกหญ้าแฝก  ขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่ที่เกษตรกรสามารถเลือก   ใช้รูปแบบหนึ่งตามความเหมาะสม   ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง 
          บนพื้นที่ที่มีความลาดชัน  โดยเฉพาะแถบภาคเหนือและภาคใต้  ที่เกษตรกรนิยมปลูกไม้ผลหรือ       ไม้ยืนต้น  ดังกล่าว  จะปลูกบนคันคูรับน้ำรอบขอบเขาหรือขั้นบันไดดิน  ซึ่งมักจะประสบปัญหาคันดินที่สร้างไว้ถูกน้ำฝนกัดเซาะพังทลายเสียหายเป็นประจำ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ๆ  เพื่อป้องกันความเสียหายดังกล่าว  และเพื่อเป็นการรักษาความชุ่มชื้นไว้ในดินให้ได้อย่างยาวนาน มาตรการที่เหมาะสม ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ   ได้แก่  การปลูกหญ้าแฝกให้เป็นแนวรั้วบริเวณคันคูขอบเขา  หรือริมขั้นบันไดดินด้านนอก     ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
การตรียมพันธุ์หญ้าแฝก 
          เตรียมหน่อพันธุ์ซึ่งได้เพาะชำไว้ในถุงพลาสติกสีดำ ขนาด 2นิ้ว X 6นิ้ว พร้อมคำแนะนำได้จากเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินหรือสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตที่อยู่ใกล้บ้านท่านได้
การเตรียมดิน 
         หลังจากได้ดำเนินการทำคันคูน้ำรอบขอบเขา   หรือขั้นบันไดดินแล้วเสร็จ   จะต้องเร่งเตรียมดินบริเวณขอบคันดิน  เพื่อปลูกหญ้าแฝกโดยทันที ทั้งนี้โดยการพรวนดินให้ละเอียดเป็นแนวแคบๆ  ชิดขอบคันด้านนอกและเพื่อให้หญ้าแฝกเจริญเติบโต  และทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วควรผสมปุ๋ยหมักและโรยด้วย        ปุ๋ยสูตร 15-15-15  แค่เพียงบางๆ   คลุกเคล้าลงไปด้วยจะได้ผลดีมาก
การปลูกหญ้าแฝก 

         นำกล้าหญ้าแฝกที่ได้จัดเตรียมไว้แล้วลงปลูก  โดยดึงถุงพลาสติกออก(ถุงที่ไม่ขาดสามารถนำไปใช้ในการขยายพันธุ์ได้อีก) ปลูกเป็นแถวเดี่ยวระยะห่างระหว่างโคนต้น 10 เซนติเมตร  กลบดินให้แน่นควรปลูกในขณะที่ดินยังมีความชุ่มชื้น
การดูแลรักษา
           หญ้าแฝกเป็นพืชที่ไม่ต้องมีการดูแลรักษาที่มากนัก  แต่เพื่อให้ได้ผลดีและทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ   ในระยะแรกหลังปลูกควรตรวจตราอย่างสม่ำเสมอและดำเนินการปลูกซ่อมทันทีเมื่อพบต้นที่ตายไปหลังจากปลูกเมื่ออายุได้  3 เดือน  ควรตัดยอดหรือใบให้เหลือความสูงประมาณ 10 เซนติเมตร  จะทำให้หญ้าแฝกแตกกอเรียงชิดกันได้เร็วยิ่งขึ้น   ควรระวังและกำจัดวัชพืชพวกไม้เถา   ซึ่งจะเลื้อยพันและคลุมหญ้าแฝกทำให้หญ้าแฝกไม่เจริญเติบโต   เมื่อหญ้าแฝกเจริญเติบโตเต็มที่แล้วก็จะได้รั้วหญ้าแฝกที่อัดกันแน่น   ป้องกันการไหลบ่าของน้ำฝนและทำให้น้ำฝนไหลซึมลงสู่ดินได้มากยิ่งขึ้น   รวมทั้งส่วนรากของหญ้าแฝกที่หยั่งลึกและสานกันแน่นเป็นกำแพงอยู่ใต้ดินก็จะช่วยกักเก็บดูดซับความชื้นไว้ในดินได้อย่างยาวนาน   และช่วยในการยึดเกาะดินไม่ให้คันคูขอบเขาหรือคันขั้นบันไดดินเสียหายอีกด้วย 
2. พื้นที่ที่มีความลาดเทปานกลาง - ต่ำ 
          บนพื้นที่ที่มีความลาดเท   จะเป็นพื้นที่ที่ง่ายต่อการชะล้างพังทลายของดินจากน้ำฝนที่ไหลบ่า ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและกักน้ำที่ไหลบ่าไว้ในดินให้ชุ่มชื้นอย่างยาวนาน  จึงควรที่จะมีการปลูกหญ้าแฝก       ตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่บนพื้นที่ที่มีความลาดเทสม่ำเสมอ 
       ความถี่ห่างของแนวหญ้าแฝกที่จะปลูกขึ้นอยู่กับระดับความสูงต่ำของพื้นที่   พื้นที่ที่มีความลาดเทสูง   แนวหญ้าแฝกก็จะถี่กว่าพื้นที่ที่มีความลาดเทต่ำ   แต่ทั้งนี้ความห่างระหว่างแนวหญ้าแฝกที่จะปลูกจะต้องอยู่ห่างกันไม่เกินค่าสูงต่ำตามแนวดิ่ง 1.50 เมตร   ซึ่งจะหาได้จากการใช้สายยางหาระดับแบบช่างไม้   ดังนั้นในพื้นที่สวนไม้ผลหรือไม้ยืนต้นที่ปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดเทสม่ำเสมอนั้นจึงกระทำได้ง่าย   ทั้งนี้เมื่อกำหนดแนวที่จะปลูกได้แนวแรกแล้ว   แนวต่อๆ ไปก็ใช้จำนวนแถวของไม้ผลที่จะปลูกเป็นตัวกำหนด   เช่น  ในแนวแรกมีไม้ผล แถว   ดังนั้นทุกๆ แถวของไม้ผลก็จะปลูกหญ้าแฝก แนวจนตลอดพื้นที่  แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้หญ้าแฝกได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ   การวางแนวปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้นก็จะต้องวางแนวปลูกตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ด้วย   และการปลูกหญ้าแฝกระหว่างแถวไม้ผลจะปลูกห่างจากโคนไม้ผลที่จะปลูก  1.50-2.00  เมตร      ดังนั้นความห่างของหญ้าแฝกตามแนวดิ่งอาจน้อยกว่า 1.50  เมตร  หรือเกินกว่า 1.50 เมตร  เล็กน้อยก็ได้           ตามความเหมาะสมของแถวไม้ผลที่ปลูกสำหรับพื้นที่ที่มีความลาดเทไม่สม่ำเสมอ  ที่จะใช้ในการปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น   การปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดินกำหนดได้จากสภาพความลาดเทของพื้นที่       ถ้าพื้นที่มีความลาดเทค่อนข้างสูงแล้ว   จะต้องพิจารณาถึงการป้องกันการสูญเสียดินจากน้ำที่ไหลบ่าด้วย      ดังนั้นในสภาพพื้นที่ดังกล่าว การปลูกหญ้าแฝกก็จะใช้วิธีการเดียวกันกับการปลูกหญ้าแฝก           เพื่อป้องกันการชะล้างและพังทลายของดิน  โดยวางแนวปลูกตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่   ตลอดพื้นที่แต่ละแนวจะห่างกันตามค่าความสูงต่ำตามแนวดิ่ง 1.50 เมตร    ดังรายละเอียดเอกสารคำแนะนำเรื่อง  การใช้ประโยชน์หญ้าแฝก เพื่อการป้องกันการพังทลายของดินสำหรับพื้นที่  ที่มีความลาดเท                    ไม่สม่ำเสมอ  แต่มีความลาดเทเพียงเล็กน้อยจะมีปัญหาการสูญเสียดินจากน้ำฝนที่ไหลบ่าไม่มากนักการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดินกระทำได้  2  วิธีด้วยกัน คือ
1.ปลูกแบบวงกลมรอบไม้ผล ทั้งนี้โดยปลูกเป็นวงกลมรอบไม้ผลแต่ละต้น รัศมีจากโคนต้นไม้ผล 1.50 - 2.00 เมตร
2.ปลูกแบบครึ่งวงกลม   โดยการปลูกหญ้าแฝกห่างจากโคนไม้ผล 1.50 - 2.00 เมตร  แบบครึ่งวงกลมหงายรับน้ำฝนที่จะไหลบ่าลงมากักเก็บไว้   การปลูกหญ้าแฝกแบบวงกลมและแบบครึ่งวงกลมนี้  มีการเตรียมดินและการปลูกรวมทั้งการดูแลรักษาเช่นเดียวกันดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น    ซึ่งการปลูกทั้ง     2 แบบนี้   จะเป็นการควบคุมเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดินเฉพาะต้น  ซึ่งเมื่อหญ้าแฝกเจริญเติบโตเต็มที่แล้วควรมีการตัดใบหญ้าแฝกให้เหลือสูงประมาณ  40  เซนติเมตร   เป็นประจำ 2 - 3 เดือนต่อครั้ง   โดยนำใบหญ้าแฝกที่ตัดได้นำไปคลุกโคนไม้ผล   จะช่วยลดการสูญเสียของน้ำในดินจากการระเหยได้เป็นอย่างดี   นอกจากนี้ใบหญ้าแฝกก็จะค่อยๆ  ผุพังสลายตัวเป็นปุ๋ยให้แก่ไม้ผลที่ปลูกได้อีกด้วย
3. พื้นที่ที่ไม่มีความลาดเท หรือพื้นที่ระดับ
   บนพื้นที่ที่ไม่มีความลาดเท  หรือพื้นที่ระดับจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการสูญเสียดิน  แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นพื้นที่ราบเพียงใดก็ตามการไหลบ่าของน้ำฝนก็จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน   ดังนั้นวิธีการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน   ในพื้นที่ระดับโดยเฉพาะในพื้นที่เกษตรน้ำฝนจะปลูกเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ในพื้นที่   โดยให้ไหลบ่าออกจากพื้นที่ให้น้อยที่สุด   ดังนั้นวิธีการปลูกหญ้าแฝกก็จะปลูกเป็นแถวเดี่ยว  ล้อมรอบพื้นที่และบริเวณที่ปลูกไม้ผลก็จะปลูกหญ้าแฝกระหว่างแถวไม้ผลที่ปลูก   ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการตัดใบคลุมโคนไม้ผลลดการสูญเสียน้ำในดินจากแสงแดดและนอกจากนี้    อาจจะปลูกแบบวงกลมรอบโคนต้นไม้ผลดังกล่าวมาแล้วก็ได้เช่นกัน   การปลูกแบบวงกลมรอบไม้ผลแต่ละต้นนั้นมีข้อเสียที่ว่าจะต้องใช้กล้าหญ้าเป็นจำนวนมากกว่าปลูกแบบเป็นแถวตรง   นอกจากนี้การเตรียมดินหรือการไถพรวนเพื่อปลูกพืชเสริมรายได้ในช่วงที่ไม้ผลยังไม่ให้ผลผลิตกระทำได้ยากกว่า   ส่วนข้อดีที่นอกเหนือจากการเก็บกักความชุ่มชื้นก็คือจะได้ผลผลิตจากใบหญ้าเพื่อใช้ในการคลุมดินสูงกว่าวิธีอื่น ๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีการปลูก โครงการหญ้าแฝก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลักษณะของหญ้าแฝก

แหล่งอ้างอิง